2008-01-27

สัมภาษณ์พิเศษอู๊ด ยานนาวา


วันนี้ผมชวนพวกเราไปอ่านบทสัมภาษณ์มือกลองที่มากประสบการณ์ มีชื่อเสียงจากเพลงเพื่อชีวิต ในยุคนั้นแนวเพลงประเภทนี้มีมือกลองที่เล่นสดบันทึกเสียงไม่กี่คน คนที่มีชื่อเป็นเครดิตในปกเทปมากที่สุดคนหนึ่ง รวมถึงบทบาทเจ้าของเสียงเพลงอ้อล้อ ของวง ซู ซู ที่ดังติดหูมากในยุค 10 ปีที่แล้ว ใช่แล้วครับผมกำลังพูดถึง อาจารย์อู๊ด ยานนาวา ครับ หลายคนรวมถึงตัวผมด้วยนึกว่าแนวเพลงเพื่อชีวิตนี้แหละคือแนวถนัดของอ.จ.อู๊ด ลองติดตามนะครับจะได้คำตอบ
บ่ายแก่ๆของวันนัดผมเดินทางไปพบอ.จ.อู๊ด ตามนัดหมายที่ ร.ร.ดนตรีปราชญ์มิวสิคที่อ.จ.สอนอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมยังตื่นเต้นเหมือนเดิมที่จะได้สัมภาษณ์มือกลองชื่อดัง ถึงเวลานัดภาพอ.จ.ที่เคยเห็นในปกเทปลอยมา เค้าหน้าที่ดูสูงอายุเหมือนพี่ๆศิลปินที่แกเล่นด้วย แต่เมื่อผมเจอตัวจริงอ.จ.เป็นๆ ผมอยากต่อว่าช่างภาพที่ถ่ายภาพที่ผมเห็นจัง โอ้โห อ.จ.อู๊ดดูอ่อนเยาว์กว่ารูปซัก 10 ปี ได้ ด้วยความสูงประมาณ 1.65 เมตร ทรงผมสกรีนเฮด ดูกระฉับกระเฉง เมื่อหายงงผมก็เริ่มแนะนำตัวเองและ Music2drum.com บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น

M2D : อยากให้พูดถึงประวัติของ อ.จ. และที่มาของชื่อ อู๊ด ยานนาวา ครับ
ตอบ : ผมเป็นคนกรุงเทพฯ อยู่แถวยานนาวา เริ่มตีกลองตั่งแต่ ป.4 ช่วง
มัธยมศึกษาเรียนที่วัดสุทธิวราราม แต่ไม่ได้เล่นดุริยางค์เหมือนคนอื่น เพราะชอบเพลงพวกHard Rock พวกวง แบลคซับบาร์ท จากนั้นก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ฉายาอู๊ด ยานนาวา ได้มาตอนช่วงทำงานให้พี่หงา คาราวาน ราวปี 1985 พองานเสร็จ พี่หงา ไม่ได้ถามชื่อจริงว่าชื่ออะไร แต่ถามว่าพักอยู่แถวไหน จากนั้นก็ได้เห็นเป็นเครคิตในปกเทปชุดนั้น สรุปคือพี่หงาเป็นคนตั้งให้ (พูดแล้วก็หัวเราะ)
M2D : อยากทราบถึงการฝึกฝนตีกลอง การหาความรู้ ในช่วงเริ่มต้นครับ
ตอบ : อดีตนั้นไม่เรียกว่าฝึก เพราะว่ารู้สึกสนุกกับการเล่น แกะเพลงออกมาเล่นให้เหมือน ใช้วิธีการจำ Basic อะไรก็ไม่รู้ แป้นซ้อม กลองจริงๆ ก็ไม่มีก็พยายามหาวัสดุที่มันเก็บเสียงมาวางแทนเป็นกลอง แล้วก็เอาเพลงที่แกะมาซ้อมตี คิดว่าในยุดนั้นวิวัฒนาการของ Rhythm มันยังไปไม่ถึงไหน Pattern เพลงของวงดังๆเช่น Beatle Rolling stone มีแต่ง่ายๆไม่ซับซ้อน เป็น 8 note ธรรมดา แต่ถ้าเป็นยุคปี 2000 หรือ 1990 นี้มันยากขึ้น ในช่วงเริ่มต้นนั้นจึงไม่ได้ไปเรียนกลองที่ไหน และโรงเรียนหรือสถาบันดนตรีใดก็ไม่มีด้วย แนวเพลงก็มีแต่Pop กับ Rock เลยเหมือนถูกบังคับด้วยเพลง ที่ทำคือแกะเพลงให้เหมือนที่สุด จำให้ได้เพื่อแสดงในงานParty และ Coffee shopต่างๆ ไม่รู้ว่าต้องเรียนอะไรเพิ่มอีก แต่ตอนหลังมาเรียน Rudiment และพวก Time Signature เพิ่มถึงพึ่งรู้ว่าตัวเองทำอะไรไปในอดีต
M2D : ได้ข่าวว่าอ.จ.ไปเรียนเรื่องกลองเพิ่มเติม ที่อเมริกา
ตอบ : ได้ยินมาจากไหน (หัวเราะ) ผมไปอเมริกาก็ช่วงทัวร์กับคาราวาน ไปเล่น ที่ นิวยอร์ค นิวเจอซี่ วอชิงตัน ดี.ซี.ที่มีเบียร์สิงห์เป็นสปอนเซอร์ ไม่ได้ไปเรียนอะไรเพิ่ม
M2D : แล้วการเรียน / ฝึกฝนในยุคปัจจุบันละครับ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร
ตอบ : พอเริ่มทำงานในStudio ช่วงปี 2528 ชุด ดอกไม้ให้คุณ ของพี่หงา ยังเล่น งูๆ ปลาๆ ไม่เข้าใจเรื่องทฤษฎี ฟังแล้วเก็บอย่างเดียว อธิบายออกมาให้เข้าใจไม่ได้ เริ่มทำโน้ตของตัวเอง เรียกว่าโน้ตเอกชน(หัวเราะ) ไม่ใช่โน้ตสากล คือเราแบ่ง Space ใส่สัญลักษณ์เอง พอมาถึงช่วงที่ต้อง Create สัดส่วนกลอง ต้องถ่ายทอดสื่อสารออกมาเริ่มแย่ พอดีได้หนังสือดุริยางค์สากล ของพระเจนดุริยางค์จากพี่ชาย อ่านแล้วเข้าใจเลย เหมือนการขี่จักรยาน พอเป็นแล้ว โลดเลย เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากนั้นก็มาศึกษาจากพวกนิตยสารกลอง เช่น Modern Drummer , DRUM และฟังพวก Audio World music ที่เป็นเสียง Rhythmที่สร้างขึ้นของภูมิภาคต่างๆ และเป็นเสียงที่อัดจริงๆจากภูมิภาค นอกจากนั้นก็ติดตามพวกรายการ National Geography ที่ตามไปเจาะที่มาของดนตรีSamba , African beat ดูแล้วก็มาประมวลผล มีการบอกรับสมาชิกนิตยสารที่พูดไปกล่าวไปแล้วนั้น แล้วยิ่งตอนนี้มี Internet ก็เข้าไป Search หาความรู้เพิ่มเติม เรื่องกลอง มีเยอะมาก เป็นการเรียนที่ไม่จบ เหมือนเป็นการเรียนอยู่ตลอดเวลา
M2D : ถ้าพูดถึงวงดนตรีที่อ.จ.สังกัด มีวงอะไรบ้าง
ตอบ :คงต้องบอกว่าเป็น คาราวาน ก่อนหน้านั้นเคยทำวงชื่อว่า Firer (ไฟเออร์) เป็นช่วงหลังวง Royal sprite , Grand ex ,Baracudas (ที่มีคุณกริช ทอมัส เป็นหัวหน้าวง พี่หรั่ง เดอะคิท เล่นกลอง) แล้วก็ได้เล่นวง Bangkok connection อยู่ช่วงหนึ่งได้ความรู้เรื่องการแกะให้เหมือนกับเพลงแนวลาตินที่นี่ ก่อนหน้านี้ก็เล่นวงมหาวิทยาลัยของรามคำแหง คือ R.U.band ช่วงปี 2518-2519 เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งที่เล่นวงมหาวิทยาลัย (อ้าวอ.จ.ก็เป็นรุ่นพี่ผมซิ ว่าแล้วก็ไล่นับญาติกันใหญ่)
M2D : ผลงานที่สำเร็จและภูมิใจมีอะไรบ้างครับ
ตอบ : ที่ภูมิใจในอดีตก็ยังเป็นผลงานกับคาราวาน ส่วนเรื่องร้องเพลงที่ดัง เพลงอ้อล้อ กับวงซู ซู นั้นส่วนตัวไม่ค่อยภูมิใจเท่าไหร่เพราะไม่ใช่การตีกลอง
M2D : อ.จ.มีมือกลองในดวงใจหรือปล่าวครับ
ตอบ : แน่นอนว่ามี มือกลองไทยคือพี่แตง อนุสรณ์ พัฒนกุล อดีตมือกลองดิอิมพอสสิเบิ้ล ถือว่าแกเป็น Idol ของเมืองไทย ถือว่าเป็นตำนานไปแล้ว ส่วนมือกลองฝรั่งต้องแบ่งเป็นแนวๆไปคนแรก จอนบอนแฮม มือกลองวง เลดเซพพริ้น เป็นคนที่เก่งเรื่อง Odd time Signature (คือเพลงที่มี Signature เป็นเศษ เช่น 5/4 ,7/4 ฯลฯ) สามารถนำมาใช้ในวงการHeavey Metal จนเป็นที่นิยมกัน คนที่สองคือ เอียน ไพยส์ มือกลองวง ดีพเพอร์เพิล สามารถเอาแพทเทอร์นของjazz มาใช้กับแนวร็อคได้ดี คนที่สาม ดอน บีเวอร์ มือกลองวง แกรนด์ ฟังค์ แอนด์เรลโร๊ด สามารถเอาแพทเทอร์นของ ฟังค์กี้มาใช้กับร็อคได้ดี คนที่สี่คือ คีท มูน มือกลองวง เดอะ ฮูท์ ที่สามารถเล่นกลองไปกับเมโลดี้ของเพลงได้ดี แนวJazz คนแรกก็ต้อง บิลลี่ คอบแฮม มือกลองวงมหาวิศณุ เป็นผู้นำ china boy มาใช้เป็นคนแรก แล้วก็โทนี่ วิลเลี่ยม เป็นคนที่เล่นfelling 3 พยางค์ได้ดีชัดเจนมากในทุกๆชิ้นของกลอง และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือสตีฟ แกลด ที่เอาแพทเทร์น พวก ลาติน และดนตรีของแต่ละภูมิภาคมาใช้กับดนตรีแจ๊สอย่างดี

M2D :อยากทราบเทคนิคการตั้งเสียงกลองของอ.จ.ครับ
ตอบ :งานในห้องอัดเสียงลองมาหมดแล้วไม่ว่าจะตั้งเป็นคู่เสียงในสเกลเมเจอร์หรือไมเนอร์ เริ่มจากเราดูว่าเพลงของศิลปินนั้นๆส่วนใหญ่เล่นคีย์อะไร เราตั้งให้ตรงกับเค้า ในงานของเมืองนอกอาจต้องมีการตั้งเสียงทุกเพลง โดยเฉพาะ HI HAT ในหนึ่งเพลงเราได้ยินเสียงมันหลายร้อยครั้ง ถ้ามันเป็นคู่เสียงที่กัดกัน คงฟังดูไม่ดี(ว่าแล้วอ,จ,ก็เดินไปชี้ที่ Hi HAT ตีตรงหัวระฆังให้ดู บอกว่าเป็นจุดที่นำไปเทียบเสียงกับคียบอร์ดว่าเป็นเสียงอะไร ) ในช่วงที่ไปเรียนด้าน Harmony พบว่า หลัก twelve tone การตั้งเสียงให้ห่างกัน ครึ่งเสียง 7 หน ให้อารมณ์ที่ดีเหมาะแก่การนำไปจูนเสียง ตัวอย่างเช่น ถ้านับทาง# นะ เริ่มจาก C C# D D# E F F# G G# A A# B โดยเริ่มจาก สแนร์ก่อนตั้งเสียงให้ได้ตามสไตล์ของเรา ถ้าสแนร์เป็น G ทอม 1 นับลงมา 7 ครึ่งเสียงมันคือ C ครับ แล้วนับอย่างนี้ไปจนถึง BD เทคนิคนี้ใช้มานานแล้ว ถ่ายทอดง่าย
M2D : แล้วพวกฉาบละครับเวลาซื้อต้องเลือกให้เข้ากันอีกรึปล่าว
ตอบ : ใช่ไหนๆก็จะซื้อควรเลือกที่มันอยู่ใน Pitch เดียวกัน ต้องลองฟังเทียบกันดู
M2D : เรื่องหนังกลองใช้ยี่ห้ออะไรเป็นพิเศษหรือไม่
ตอบ : ไม่ติดยี่ห้อแต่เลือกใช้ให้ตรงกับงาน โดยทั่วไปหนังกลองจะแบ่งเป็น 4 แบบต่างกันคือแบบโปร่งใส คือมองทะลุได้ ให้เสียงที่ใส แบบโปร่งแสงคือแสงทะลุได้แต่เรามองไม่ทะลุ ให้เสียงใสน้อยกว่าแบบแรก แบบทึบแสง ผิวสากๆหรือเรียกอีกอย่างว่าแบบ Coated ให้เสียงมี่มี sustain น้อยเหมาะกับพวกดนตรีแจ๊ส ไม่ต้องmuteมาก แบบสุดท้ายคือ เหมือนทั้งสามแบบนั้นแต่มีแผ่นวงกลมอยู่ตรงกลาง คล้ายๆกับพวกกลองยาว ตะโพนของไทย ทำให้เกิด sustain มาก เหมาะกับเพลงโยนๆ หนักๆ
M2D : เรื่องไม้กลองใช้ยี่ห้ออะไรเป็นพิเศษหรือไม่
ตอบ : ไม่เหมือนกัน แต่จะเลือกใช้ขนาดให้ตรงกับสถานที่เล่น เช่น open door ก็ใช้ 2 B แต่ถ้าสถานที่เล็กๆใช้2 B ก็ไม่ไหว นอกจากนั้นหัวไม้ที่ใช้ ตอนนี้ชอบหัวทรงกลม เพราะโดยPhisical แล้วเราตีด้วยมุมไหนมันกระทบหนังเหมือนกันหมด แต่ถ้าหัวไม้ทรงรี เหมือน Buddy Rich ตีคนละมุมจะให้เสียงที่ต่างกัน
M2D : เรื่องการฝึกในปัจจุบันด้านมือ เท้า อ.จ.มีการเปลี่ยนจากเดิมอย่างไรครับ
ตอบ : พูดถึงเรื่องมือ มีการฝึกในด้าน Phisical โดยเฉพาะมือซ้ายที่เป็นจุดอ่อนของหลายคน พอดีมีแรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ที่ป่วย แล้วต้องดื่มน้ำส้มคั้น โดยใช้วิธีคั้นแบบง่ายๆที่ใช้มือจับส้มกดลงบนที่คั้น (คงนึกออกนะครับ) เวลาคั้นใช้มือซ้ายแล้วรู้สึกว่ามันทำให้มือคล่องตัวขึ้น แข็งแรงขึ้น เรารู้ว่าเส้นเอ็นที่มือมีความสำคัญต่อการตีกลอง จากนั้นก็มีการพัฒนามือด้วยการหาเครื่องบริหารมือ มาใช้ นอกจากนั้นด้านเทคนิคอื่นก็มีฟอร์มมือด้าน Paradidle ที่แบ่งออกเป็น 3 แบบคือ 1.Single Paradidle 2.Double Paradidle และ 3.Triple Paradidle (บางคนอาจเพิ่ม Paradidle-didle เป็นแบบที่ 4 ดูในคุยกันเรื่องกลอง เรื่อง Paradidle นะครับ) อธิบายให้เข้าใจง่ายๆว่า Para คือ Single Stroke ส่วน didle คือ Double Stroke ดังนั้น Single Paradidle ก็คือ R L R R L R L L ซึ่งเหมาะกับพวก Subdivition 2 4 8 16 32 เพราะหารลงตัว Double Paradidle คือ Para Para didle นั่นเอง ก็คือ R L R L R R L R L R L L ซึ่งเหมาะกับพวก Subdivition 12 24 พวก 16 note Triplet (6 พยางค์) เพราะหารลงตัว Triple Paradidle ก็คือ Para Para Para didle
ก็คือ R L R L R L R R L R L R L R L L ซึ่งเหมาะกับพวก Subdivition 2 4 8 16 32 เพราะหารลงตัว เวลาใช้ต้องวางแผนให้ดีด้วย
เรื่องการใช้เท้า ช่วงนี้ใช้ Double Pedal ใช้กับเวลาเล่น 16 note และ 16 note Triplet มีส่วนดีที่บางเพลง Single Pedal เล่นไม่ได้
พูดถึงในการฝึก Rudiment ผมมีแนวทางอยู่ 2แบบใหญ่ๆคือการฝึกให้เหมือน หมายถึงงานที่เล่นเพลงสากล ต้องเล่นให้เหมือน คนฝึกต้องมีแป้นซ้อมที่ครบเหมือนกลองจริง (สำหรับผู้ที่ไม่มีกลอง) ต้องฝึกPositioning มีการแกะเพลงใส่ชาร์ตไว้ ฟัง audio เพลง จำให้ได้ แล้วเอาชาร์ตออก หลับตาแล้วยังเห็นขาร์ตอยู่ ต่อไปคือการฝึกให้ต่าง ซึ่งเริ่มใช้ตอนทำงานในStudio เนื่องจากต้อง Create งานให้ต่างจากที่มีอยู่ ต้องทิ้งสิ่งที่เป็น สัดส่วนที่ได้ยิน มือกลองที่ชื่นชอบ แล้วรวบรวม Sub divition ที่มีอยู่ 12-13 แบบ รวบรวม Time Signature ที่มีอยู่ 18 ชนิดใหญ่ๆ( อธิบายพร้อมหยิบชาร์ตให้ดู) ฟังดนตรีที่มาจากแต่ละภูมิภาคต่างๆ แล้วตัดต่อให้เป็นแพทเทร์นใหม่ๆ ลูกใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีมาก่อน เพื่อมาใช้ในStudio
M2D : พูดถึงเครื่องมือ ตอนนี้อ.จ.ใช้กลองอะไรอยู่บ้างครับ
ตอบ : ใช้ยามาฮ่า Maple Custom ขนาด TT 8นิ้ว TT10นิ้ว TT12นิ้ว FL 14นิ้ว FL 16 นิ้ว BD 22 นิ้ว ส่วนสแนร์มี 4 ใบหลักๆบางใบขอไม่พูดยี่ห้อนะ มี 1. Picolo stanless steel 14x3 ½ นิ้ว 2. ขนาด 14x8 นิ้ว เป็น Cabon custom 3. ขนาด 14x5 นิ้ว ใบนี้ใช้ในงานอัดเสียง 4.เป็น Stieve glad Signature 13x5 นิ้ว
M2D : พอพูดถึง Stieve glad ทราบมาว่าสถิติอย่างไม่เป็นทางการเป็นมือกลองที่ทำงานบันทึกเสียงมากที่สุดกว่า 1,000 อัลบัม อ.จ.พอพูดถึงผลงานของอ.จ.บ้างได้ไหมครับ
ตอบ : จำไม่ได้แล้วเพราะยุคก่อนๆวงการเพลงบ้านเราใช้ระบบไม่ใช่ลิขสิทธ์ ซึ่งไม่ได้ลงชื่อให้Credit ศิลปินไว้
M2D : อยากให้ อ.จ.ในฐานะมือปืนพูดถึงมุมมองการประกอบอาชีพมือกลองครับ
ตอบ : ในช่วงที่กระแส Digital มาแรง แต่ในเวลาเล่นสดแล้ว ยังไงก็ต้องใช้คนตีอยู่ดี ไม่ต้องกลัวตกงาน มือกลองที่เป็นผู้หญิงมาเริ่มมากขึ้น ซึ่งดีสร้างสีสรรค์ให้วงการ ส่วนมือกลองทำงานในStudio ถ้าไม่ได้เล่นประจำคิดว่าอาชีพเดียวด้วยผลตอบแทนที่เป็นอยู่ไม่น่าเลี้ยงชีพอยู่ได้ ต้องมีอาชีพเสริม แต่ถ้าเล่นประจำอย่างเดียวอยู่ได้ ปัจจุบันผมก็มีสองอาชีพ คือค้าขายที่ไม่เกี่ยวกับกลองด้วย ส่วนงานประจำที่เล่นต้องคำนึงถึงสัญญาด้วย เพราะถ้าไม่มีสัญญา 1 เดือน 3 เดือน แล้วเกิดนมลูกหมดจะทำอย่างไรกัน โดยส่วนตัวมองว่าอาชีพนี้ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ แต่ที่อยู่มาได้นานเพราะเรารักมัน




M2D : สำหรับมือกลองที่ต้องการก้าวไปทำงานใน Studio ต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ตอบ : การก้าวเข้ามาทำงานใน Studio ตอบว่าผมโชคดีที่คาราวานต้องการทีมSupport ด้าน Rhythm ทีมงานมาดูที่เล่นประจำอยู่ พอชักชวนผมก็ลาออกจากงานเลย ส่วนเรื่องการทำงานใน Studio ตอบง่าย (พูดพร้อมหัวเราะ) เพราะทำมาตลอด ที่พูดไปก่อนหน้านี้เรื่องฝึกเหมือน ฝึกต่าง แต่เอาเข้าจริงๆแล้วกลายเป็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจ
การทำงานต้องมีสมาธิ เพราะเวลาอัดเสียง หูข้างหนึ่งต้องเจอ Click track ที่เป็น 8 note ตลอดเพลงประมาณ 4 นาที ต้องเล่นไม่ให้เลื่อม อีกหูฟังTrack guide คำร้อง คอร์ด ตาต้องดูชาร์ต ถ้าสะดุดนิดต้องเริ่มใหม่หมดเพราะกลองเจาะแก้ไม่ได้
M2D : ใน 5 - 10 ปีนี้ อ.จ.อยากเห็นวงการกลองนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ตอบ : ทราบกันอยู่แล้วว่าในการสร้างสรรค์เพลงต้องประกอบด้วย Rhythmic Melodic Harmonic และ Dynamic กฎหมายในปัจจุบันคุ้มครองสิทธิทางปัญญาแต่เจ้าของ Melodic คนที่สร้างสรรค์ Rhythmic อย่างพวกเราไม่ได้รับการคุ้มครอง ตรงนี้ควรมีการแก้ไขจะให้มากหรือน้อยก็ค่อยว่ากันแต่ควรต้องได้สิทธิ์
อีกประเด็นคือผู้เกี่ยวข้องกับเพลงคือ ผู้ฟัง ผู้เล่น Producer หรือเจ้าของ ควรเปิดกว้างยอมรับสิ่งใหม่ๆ ไม่มีถูก ผิด ไม่อยู่ในกรอบเดิมๆ เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆในวงการ
M2D : แผนงานในอนาคตด้านกลองของอ.จ.มีอะไรบ้างครับ
ตอบ : ปัจจุบันดนตรีชิ้นอื่นด้าน ดีด สี เป่า มีศิลปินออกผลงานเดี่ยวมาแล้ว ผมก็กำลังจะมีSolo Album เกี่ยวกับกลองล้วนๆ ออกมา ตอนนี้เสร็จไป เกินครึ่งแล้ว คาดว่าจะออกตลาดได้ในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นความภูมิใจสูงสุดตอนนี้เหมือนกัน
M2D : อยากให้ อ.จ.แนะนำ ลูก Fill in พวกเราบ้างครับ
ตอบ : แบบที่ 1 ถ้าเล่นเพลงในแนว 16 note ผมมักชอบใส่ 16 note Triplet ( 6 พยางค์)เข้าไป
แบบที่ 2 ถ้าเล่นเพลงในแนว 8 note Triplet ผมมักชอบใส่ 16 note เข้าไป แบบที่ 3 ถ้าเล่นเพลงในแนว 16 note บางครั้งก็ใส่พวก 5 Stroke 7 Stroke จัดกลุ่มเข้าไป แบบที่ 4 ถ้าเป็นบีตเร็วๆ ก็จะเอาแพทเทร์นของ Cascala มาใช้ (พูดพร้อมหยิบชาร์ตให้ดู)
เวลาของการสนทนาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่คนสุดท้ายในร.ร.ดนตรีปราชญ์มิวสิค เดินออกไป ผมพึ่งรู้สึกตัวว่าลมในท้องถูกใช้ในการสนทนาจนหมด พร้อมกับพื้นที่ในสมองที่เหลือน้อยลงจากเกร็ดความรู้ที่ได้จากอ.จ.อู๊ด ผมเริ่มคิดถึงเพื่อนๆใน M2D ว่าทำอย่างไรจะถ่ายทอดความรู้ที่ได้ให้เพื่อนๆเข้าใจหมด เพื่อเป็นแนวทางฝึกฝนและพัฒนาฝีมือขึ้นมาเป็นดาวประดับวงการกลองอีกคน

ขอบพระคุณ อ.จ.อู๊ด ยานาวา ที่สละเวลาให้ความรู้
ขอบพระคุณร.ร.ดนตรีปราชญ์มิวสิค ที่เอื้อเฟื้อสถานที่
ขอบคุณคุณนก ทีมงาน ร .ร.ดนตรีปราชญ์มิวสิค ที่ช่วยนัดหมาย
ขอบคุณพี่คมสัน ชุ่มเจริญสุข ผู้สนับสนุนข้อมูลเบื้องต้นก่อนสัมภาษณ์



By: Mr.Pop