
สวัสดีครับเพื่อนๆ หลังจากห่างหายกับการสัมภาษณ์ไปนาน พี่น้องของเราก็เร่งเร้าให้ผมUp date คอลัมส์นี้เสียที ดังนั้นตามคำเรียกร้องครับ ตามคิวที่ผมตั้งใจไว้ ผมเลยอยู่เฉยไม่ได้แล้วต้องรีบติดต่อทาบทาม มือกลองแนว Death Metal ที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ของบ้านเรามีผลงานทั้งอัลบั้มเพลง ตั้งแต่ใต้ดิน จนถึงบนดินและ VCD สอนกลอง ผู้มีเจ้าของฉายา “กระเดื่อง ปีศาจ” ไม่ใช่ใครครับ อ.เลาะห์ นั้นเอง
ผมวางแผนแต่แรกว่าถ้าเจอตัวจริง ผมจะขอลายเซ็นต์อ.เลาะห์ บนปก VCD สอนกลองซะหน่อย แต่ถึงเวลานัดผมดันลืมเอาไปซะฉิบเสียดายมาก นัดสัมภาษณ์คราวนี้เราไปกันแถวชานเมือง(ปากเกร็ด) ในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง พอถึงเวลานัดผมเจอตัวจริงเป็นๆของอ.เลาะห์มาในมาภาพที่ไม่เหมือนที่เห็นใน VCD คือผมตัดสั้นลงทำให้หน้าเด็ก และลดความเหี้ยมเกรียมลงมาในระดับหนึ่ง ปากผมทำงานไวเท่ากับความคิด คำถามแรกเลยเริ่มขึ้น
M2D : อยากให้อาจารย์เลาะห์เล่าประวัติส่วนตัวก่อนมาถึงจุดนี้ให้ฟังหน่อยครับ
อ.เลาะห์ : ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากชื่อที่เรียกกันมักคิดว่าผมเป็นคนไทยมุสลิม แต่ไม่ใช่ครับ ชื่อนี้มาจากช่วงนั้นเพลงของพี่อู๊ด ยานนาวา (วงซู ซูขณะนั้น )เพลงอับดุลเลาะห์กำลังดัง เพื่อนๆในวงฟุตบอลเรียกผม เลยเรียกกันติดปากมาถึงตอนนี้ เด็กๆช่วงประถมผมชอบดนตรี เริ่มจากกีตาร์ก่อน เห็นมันแขวนอยู่ที่ร้านขายเครื่องเขียนก็อยากได้มาก แต่ก็ไม่มีเงินซื้อ ซึ่งจะขอเงินจากพ่อ-แม่ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะท่านมีอาชีพเป็นครูทั้งคู่ เราคงไม่สามารถพูดโน้มน้าวให้ท่านมาเห็นดีด้วย ประกอบกับผมคิดว่าถ้าได้มันมาไม่มีใครสอนก็คงจะเล่นมันไม่ได้ดี สรุปก็อดไม่ได้เล่นครับ (หัวเราะ) ในช่วงนั้นดนตรีบ้านเราดนตรีแนวดีสโก้ กำลังฮิต พ่อผมก็ซื้อสเตอริโอมาเปิดเพลงแนวดีสโก้ และมีพวกลาตินด้วย ผมฟังแล้วก็รู้สึกชักจะชอบจังหวะของกลองขึ้นมา ก็เริ่มจำจังหวะกลองที่ผ่านเข้ามาทั้งจากวิทยุ วงดนตรี รวมถึงวงดนตรีคนตาบอดด้วย ดูแล้วจำหมด ก็เริ่มตีโต๊ะ เก้าอี้ หมอนไปเรื่อย ตอนจบป4.ขึ้นป5.ผมเปลี่ยนโรงเรียนไปเรียนที่นครศรีธรรมราชเป็นโรงเรียนคริสต์ เจอเพื่อนใหม่ที่เป็นลูกของอ.จ. ที่นั้นมีกิจกรรมเยอะ มีงานการแสดงดนตรีตามงานต่างๆในโบสถ์เช่นคริสต์มาส และงานอื่นๆ ยิ่งทำให้ผมเกิดความอยากเล่นดนตรีมากขึ้น ได้ลองเล่นกลองจริงด้วย อาจารย์ก็แนะนำให้ผมไปเรียนตีกลองที่สยามยามาฮ่า แต่ก็อดครับเพราะพ่อแม่ผมไม่เห็นด้วย จากนั้นพอจบป6.ผมย้ายไปเรียนที่เบญจมราชูทิศ ที่นครศรีธรรมราชเนี่ยละ ผมได้เริ่มเรียนดนตรีที่ชอบ ได้เรียนดนตรีสากล ได้เล่นกลองด้วย และอยู่วงโยทวาธิตแต่ได้เป่าทรัมเป็ต ที่นี่ผมได้ทฤษฏีดนตรีได้ความรู้เรื่องโน๊ต พอจบม.3แล้วผมก็มาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ อยากหาวงดนตรี และห้องซ้อมดีๆ ช่วงนั้นดนตรีบ้านเราเป็นยุคของเฮพวี่เมทัล วงคนไทยก็เป็นHi-Rock ผมก็เริ่มทำวงกับเพื่อนๆ ตอนนี้อยากเล่นกลองจริงๆจังๆแล้วไปซ้อมดนตรีที่ห้องซ้อมแถวโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นของพี่วง Uranium ที่นั่นมีกลองสองกระเดื่อง ผมชอบมากรู้สึกว่ามันอลังการ ประกอบกับเริ่มมาฟังเพลงแนวเฮพวี่อย่าง YNGWIE MALMSTEEN ทำให้ผมมาฝึกเล่นกลอง2กระเดื่องอย่างจริงจัง จริงๆแล้วผมยังได้อิทธิผลเพลงร๊อคจากการได้ไปซื้อเทปเพลงรวมฮิตของ LED ZEPLIN , URIA HEEP , DEEP PURPLE ซึ่งผมรู้สึกว่าเพลงเค้า คลาสสิคมาก ผมฝึกโดยวิธีแกะเพลงแล้วเล่นตามเทป แต่ตอนั้นแกะเพลงก็แกะเท่าที่ทำได้สำเนียงยังไม่ได้ แต่Speed ได้เพราะเรายังมีประสบการณ์ไม่มาก ผมคิดว่าดนตรีถ้าเราชอบแบบไหนจะได้เสียงกลองแบบนั้น นอกจากนั้นแล้วก็ถ้ามีโน๊ตขายที่ไหน ก็ต้องขวนขวายไปซื้อมา ช่วงนั้นเรียกได้ว่าผมใช้เวลาฝึกกลองกับเวลาเรียนหนังสือ 50:50 เลยครับ (พูดแล้วหัวเราะ) เงินค่าเรียนที่ทางบ้านส่งมาก็หมดไปกับห้องซ้อม ช่วงต้นเดือนก็สบายหน่อย พอปลายเดือนเงินหมด ก็อด(พูดแล้วหัวเราะ)
M2D : แล้วไปเรียนกลองที่ไหนเพิ่มรึปล่าวครับ
อ.เลาะห์ : ผมเคยไปหาที่เรียนเหมือนกัน แต่มันไม่ค่อยเป็นไปตามแนวที่เราต้องการคือเรียนแบบ 2กระเดื่อง ที่มีอาจารย์ที่ชำนาญดูแลเราใกล้ชิด และโรงเรียนที่มีสอนแนวดนตรีที่หลากหลาย ตกลงก็คือไม่ได้ไปเรียนครับ โชคดีผมได้พื้นฐานเรื่องโน๊ตและทฤษฎีมาแล้วช่วงเรียนมัธยม ผมใช้วิธีแกะแล้วก็ไปซ้อมที่ห้องซ้อม เพลงยากๆก็ใช้วิธีฟังและทำความเข้าใจสัดส่วนอย่างละเอียด ในช่วงนั้นเพลงที่มีรายละเอียดมากๆแล้วเป็นลูกคลาสสิค ก็ยังเล่นไม่ได้แต่ก็ใส่สร้างสรรค์ ลูกที่เราทำได้แล้วก็ใกล้เคียงเข้าไป
M2D : แล้วเริ่มมาเล่นอาชีพช่วงไหนครับ
อ.เลาะห์ : ช่วงที่ซ้อมกับเพื่อนๆตั้งชื่อวงว่า HERETIC ANGELS เล่นเพลงแนว Trash metal อย่างMetallica จริงๆแล้วก็ยากเล่นเพลงร๊อค คลาสสิค DEEP PURPLE แต่คิดว่าสำเนียงเราไม่ได้เลย ยึดเอาแนว 2 กระเดื่องเป็นหลัก คือแนว Trash metal นี่ล๊ะ แต่ผับที่เล่นเพลงแนวนี้ก็ยังไม่มี อย่าง Rock Pub , Metal Zone ก็ยังไม่รับผมกับเพื่อนๆก็คิดกันว่าจะทำ Demo ไปเสนอขายต่างประเทศเพราะตลาดเค้าเปิดกว้างกว่าบ้านเรา ในปี 2536 เราทำเทปชุด 1 ชื่อ Exterminate The Respiration เราไปอัดเสียงกันที่เชียงใหม่ ตอนแรกคิดว่าจะได้ไปขายเมืองนอก แต่ก็มาจบที่คลองตัน(พูดแล้วหัวเราะ) ชุดนี้เราทำเพลงกันใต้ดิน แต่เราก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง แล้วโอกาสก็มาถึง เราได้มาเล่นแจมกับวงรุ่นพี่ (SNOW WHITE) ที่ Rock Pub เกิดเข้าตากรรมการมั้ง เลยได้เล่นประจำที่นั่นเลย หลังจากนั้นงานของเราก็เข้าถึงพี่มาโนช พุฒตาล ซึ่งเขาอยากให้ทำอีกอัลบั้มเป็นภาษาไทย และมีแนวเพลงที่เบาลง เราถึงมีโอกาสทำเพลงออกมาใหม่แล้วเปลี่ยนชื่อวงเป็น Growing pain ถึงตอนนี้เพื่อนเราเริ่มมีภาระที่ต้องดูแลเช่นครอบครัว เราก็เลยเล่นงานกลางคืนกัน ที่ Rock Pub กับ Metal Zone นั่นแหละครับ เพลงที่เล่นก็เพลงฮิตๆช่วงนั้นแล้วก็มี Dream Theater ด้วย นอกจากนั้นในช่วงนี้ผมไปช่วยเล่นอัดเสียงให้วงของเพื่อนๆที่สนิทๆกันหลายคน จนล่าสุดได้มาเจอกับพี่โป่ง(หิน เหล็ก ไฟ) ก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย Real&Shure บริษัทลูกของ RS. Promotion ได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Glow ครับ
M2D : แล้วมามีผลงาน VCD สอนกลองได้อย่างไรครับ
อ.เลาะห์ : ก็ช่วงทำงานกับพี่มาโนช เกิดความรู้สึกว่าอยากมีงานที่ดีๆที่เก็บไว้ดูเพื่อความภูมิใจ ความทรงจำที่ดีและเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการศึกษาด้วยตนเอง จนวันหนึ่งไปงานShow ตัว ไปเจอพี่หล้า(โรงเรียนดนตรีปราชญ์มิวสิค) แกชวนทำงานสอน ผมเลยตอบตกลงเลยเกิดเป็นงานสอนที่เห็นครับ
M2D : ผ่านงานใหญ่ๆมาเยอะช่วงที่เกิดความรู้สึกท้อและผิดหวังกับงานทำอย่างไรครับ
อ.เลาะห์ : บังเอิญผมเป็นคนไม่คิดอะไรมากพอตื่นขึ้นมาก็ลืมหมดแล้ว ผมตีกลองเพราะผมชอบ มีความสุขที่ได้ตีได้เล่น ไม่ได้ฉาบฉวยกับมัน ทำให้คิดที่พัฒนาสร้างสรรค์ไปข้างหน้าตลอดครับ
M2D : อยากให้พูดถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้บ้างครับ
อ.เลาะห์ : ผมไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ หนังก็ไม่ติดยี่ห้ออะไรเป็นพิเศษ ตั้งหนังไม่ให้หย่อนหรือตึงมาก ไม่ตั้งตามโน้ตอะไร ใช้ตั้งตามความรู้สึก หนังสำรองก็ไม่พกถ้าแตกก็ลงไปยืมของเพื่อนวงอื่นที่รอเล่น(พูดแล้วหัวเราะ) ไม้กลองก็ใช้แค่ 5 B แต่กลับด้านใช้ด้ามตี กระเดื่องใช้ของ TAMA รุ่นไหนจำไม่ได้แล้วเก่าแล้วครับ ที่ใช้ยี่ห้อนี้เพราะใช้มาหลายยี่ห้อ แล้วตัวนี้พิสูจน์แล้วว่าทนทาน( พูดแล้วหัวเราะ) ส่วนแสนร์ ผมใช้ของ Pearl รุ่นเก่าแล้วเป็นมรดกมาครับของ John Bonham
M2D : อยากให้พูดถึงมือกลองที่ชื่นชอบครับ
อ.เลาะห์ : ถ้าคนไทยก็ต้องพี่กรุ๋งกริ๋ง กับพี่เอกมันต์ โดยเฉพาะพี่เอกมันต์เนี่ย ทุกวันนี้แกยังตีได้สุดยอดเลยผมคิดไม่ออกเลยว่าตอนหนุ่มๆแกจะแค่ไหน ส่วนมือกลองต่างประเทศที่ชอบมีหลายคนครับอย่าง Ian Paise , Thomas Lang ,Mike Portnoy ,Virgil Donati ประเด็นเพิ่มเติมในมือกลอง 2 คนหลังเนี่ยผมรู้สึกว่า Mike เป็นมือกลองที่มีความสามารถในการเรียบเรียง groove ต่างในเพลงของเค้าได้อย่างกลมกลืนลงตัวและมีพลังทำให้มือกลองยุค 1990 เป็นต้นมามีการพัฒนาไปมาก ส่วน Virgil เป็นมือกลองรุ่นใหม่ที่มีพลังและทำให้วงการพัฒนาไปอีก
M2D : อยากเห็นวงการนี้เปลี่ยนแปลงอะไรบ้างครับ
อ.เลาะห์ : อยากให้มีเวทีสำหรับการแสดงดนตรีที่หลากหลายและมากกว่านี้เพื่อให้นักดนตรีหลายๆแนวได้มีโอกาสนำเสนอผลงาน เพราะเห็นตัวอย่างจากต่างประเทศที่นักดนตรีเก่งๆบางคนก็ไม่ได้เล่นดนตรีเป็นงานหลัก มีอาชีพหลากหลาย บางคนก็แปลกๆเช่น Securities ก็สามารถมีผลงานออกมาได้ แล้วก็พวกระบบผลตอบแทนนักดนตรีซึ่งควรมีผู้จัดการดูแลให้เป็นระบบเป็นPackage และดูแลเรื่องลิขสิทธิ์การแสดงต่างๆครับ
M2D : มีแผนงานในอนาคตอะไรบ้างครับ
อ.เลาะห์ :พอดีช่วงนี้ผมกลับมาเรียนต่อปริญญาโทวิศวโทรคมนาคม ที่ลาดกระบังกำลังจะจบแล้วครับ(สงสัยเลยทำให้ตัดผมสั้นลงครับ) พอจบแล้วก็มีโครงการจะทำ VCD สอนชุดต่อไป กำลังเก็บข้อมูลอยู่ครับ แล้วก็จะมีผลงานกับGlow ให้ฟังกันอีก ในอนาคตไกลๆก็อยากจะมีร้านกาแฟเล็กๆซึ่งมีห้องซ้อมดนตรี แล้วก็รับซ่อมกลองด้วย( พูดแล้วหัวเราะ)
M2D : อยากฝากคำพูดอะไรถึงน้องๆแฟนคลับมือกลองรุ่นหลังบ้างครับ
อ.เลาะห์ : อยากฝาก3เรื่องที่สำคัญคือต้องขยันซ้อม ขยันคิดสร้างสรรค์ และขยันศึกษาครับ เพื่อจะได้พัฒนาผลงานที่มีคุณภาพต่อไป
กาแฟผมหมดแก้วไปนานแล้ว พร้อมกับเวลาอันสมควรที่ต้องล่ำลากัน กล้องถ่ายรูปที่พกมาเริ่มทำงานเก็บภาพของมัน ตลอดเวลาสนทนากับมือกลองมาดเข้มคนนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนๆประทับใจเหมือนผมรึปล่าวกับประโยคทองที่ว่า “ตีกลองเพราะผมชอบ มีความสุขที่ได้ตีได้เล่น ไม่ได้ฉาบฉวยกับมัน และต้องมีความขยัน” เพราะมันคงทำให้พวกเราหายสงสัยได้แล้วครับว่าทำอย่างไรเราถึงจะก้าวมายืนในแนวหน้าของวงการได้อย่างมั่นคง
นอกจากนั้นอ.จ.เลาะห์ยังฝากเอาลูกเก่งของแกตอนนี้มากฝาก อ.จ.เลาะห์อธิบายเพิ่มว่าให้ฝึกจากช้าไปก่อนจนถึงความเร็วที่เราสามารถทำได้ และยังบอกอีกว่า ลูกนี้ถ้าตอนหนุ่มๆเท้า คงใช้แบบสลับซ้ายขวาปกติ แต่พอถึงวัยนี้(> 30 ปี) ขอเป็นใช้สไลด์เท้าขวาดีกว่าครับ (ปรับให้ตามวัย 555) ส่วนเรื่องที่น้องๆฝากมาถามว่าแต่ก่อนแกอ้วนตกลองจนผมลงใช่หรือเปล่า แกบอกว่าก็มีส่วนครับ เพราะเพลงที่เราเล่นนั้นหนักต้องใช้พลังงานเยอะ พอมีงานเล่นเยอะก็จะผม ถ้าหยุดก็จะอ้วนครับ
ขอบคุณน้องBank (Dead 106 ) ที่ช่วยสนับสนุนข้อมูลติดต่อครับ
By: Mr.POP
No comments:
Post a Comment